เหรียญพระพุทธชินราช หลวงพ่อนาค จนฺทสโร วัดทัศนารุณฯ ปี ๒๔๙๑
เหรียญพระพุทธชินราช หลวงพ่อนาค จนฺทสโร วัดทัศนารุณฯ
โดย... ชายนำ ภาววิมล ...
หลวงพ่อนาค จนฺทสโร เป็นทั้งพระนักพัฒนาที่บูรณะปฏิสังขรณ์ สรรค์สร้างศาสนวัตถุในวัดมากมาย และพระเกจิอาจารย์ที่เชี่ยวชาญด้านการเจริญวิปัสสนากรรมฐาน เปี่ยมด้วยเมตตาธรรม ไม่เคยโอ้อวดถึงวิชาต่าง ๆ ที่มีอยู่
เมื่อเอ่ยถึงวัดทัศนารุณสุนทรการามหรือวัดตะพาน แขวงมักกะสัน เขตราชเทวี กรุงเทพมหานคร เชื่อได้เลยว่านักนิยมพระเครื่องรุ่นใหม่ ๆ คงจะไม่เคยรู้จักหรือได้ยินชื่อนี้มาก่อนแน่นอน ทั้ง ๆ ที่วัดนี้มีอะไรดี ๆ หลายอย่าง เล่ากันว่า "ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ ๒ ชาวบ้านในย่านสามเสน ดุสิต พญาไท และมักกะสัน ได้พากันหลบลี้หนีภัยสงครามเข้ามาอยู่อาศัยในวัดตะพานเป็นจำนวนมาก แม้ว่าจะเข้ามาอยู่ในอาณาบริเวณวัด ชาวบ้านทั้งหลายยังหวาดผวา กลัวว่าเครื่องบินของข้าศึกจะมาทิ้งระเบิด จึงได้ขอบารมีหลวงพ่อโตมาช่วยปกปักรักษา คุ้มครองป้องกันให้พ้นจากภยันตรายจากลูกระเบิดที่ฝ่ายพันธมิตรมาทิ้งไม่เว้นแต่ละวัน และเป็นที่อัศจรรย์ยิ่งนัก แม้ว่าลูกระเบิดจะตกลงมาที่บริเวณหน้าวัดริมคลองสามเสน ลูกระเบิดได้จมลงในดินและไม่ระเบิดเลย ในราวปี ๒๕๒๐ กว่าถึง ๒๕๓๐ ต้น ๆ ชาวบ้านในย่านนี้ ได้ขุดพบลูกระเบิดที่ริมคลองสามเสน บริเวณหน้าวิหารหลวงพ่อโต สันนิษฐานว่าคงเป็นลูกระเบิดสมัยสงครามโลกครั้งที่ ๒"
"หลวงพ่อโต" เป็นพระพุทธรูปนั่งปางป่าเลไลยก์ที่ประดิษฐานในพระวิหารของวัดตะพานมาตั้งแต่ครั้งเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ ๒ เรื่องมีอยู่ว่าเมื่อกรงศรีอยุธยาแตกพ่ายแก่พม่าในปี ๒๓๑๐ ชาวบ้านต้องละถิ่นฐานบ้านเกิดเมืองนอน พาครอบครัวอพยพหนีภัยสงครามโดยได้นำทรัพย์สมบัติ สิ่งของเท่าที่พอจะขนย้ายมาได้ ลงเรือพายล่องมาตามแม่น้ำเจ้าพระยาจนถึงปากคลองสามเสน พอถึงวัดตาผ่าน (เรียกชื่อตามผู้สร้างคือนายผ่าน ต่อมาเพี้ยนเป็นวัดตะพาน) ก็เกิดเหตุมหัศจรรย์ เรือเกยตื้น ไม่สามารถพายต่อไปได้ ชาวบ้านในละแวกนั้นได้ออกมาช่วยเหลือ แต่ก็ไม่สามารถไปได้อีกเช่นกันจึงได้ซักถามว่ามีอะไรอยู่ในเรือบ้าง พอทราบว่ามีเศียรพระพุทธรูปเนื้อทองสัมฤทธิ์ขนาดใหญ่อยู่ในเรือ เมื่อมาถึงหน้าวัดแล้ว ท่านคงไม่อยากไปที่อื่นและอยากประทับอยู่ที่วัดนี้ ดังนั้น ชาวบ้านจึงพร้อมใจกันทำพิธีอัญเชิญเศียรพระพุทธรูปขึ้นมาประดิษฐานที่วัดตะพานนับแต่นั้นมา
ต่อมาเมื่อพระเจ้าตากสินสถาปนากรุงธนบุรีขึ้นเป็นเมืองหลวงแทนกรุงศรีอยุธยา สงครามเริ่มสงบลงไปบ้าง ชาวบ้านย่านวัดตะพานได้มีจิตศรัทธาร่วมกันสร้างองค์พระขึ้น แล้วนำพระเศียรมาต่อเข้าเป็นองค์พระที่สมบูรณ์อย่างที่เห็นกันอยู่ในทุกวันนี้ หลังจากทุกสิ่งทุกอย่างได้เสร็จเรียบร้อยแล้ว จึงได้จัดให้มีพิธีสมโภชบวงสรวงอย่างใหญ่โต ระหว่างพิธีฯ ชาวบ้านได้เห็นน้ำไหลออกจากพระเนตรของหลวงพ่อโตเป็นทางอย่างชัดเจน จึงมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ไปต่าง ๆ นานา บ้างก็ว่าหลวงพ่อโตสงสารชาวบ้านที่อพยพหนีภัยสงครามมา แม้ว่าจะลำบากตรากตรำและมีอุปสรรคนานัปการจนแทบเอาชีวิตไม่รอด ก็ยังมุ่งมั่นและนำเศียรพระพุทธรูปมาถึงวัดตะพานได้อย่างปลอดภัย
ทุกวันนี้ หลวงพ่อโตเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ประจำวัดตะพาน มีชาวบ้านละแวกนี้มากราบนมัสการเพื่อขอบารมีหลวงพ่อโตให้ช่วยปกปักรักษาให้ตนพ้นจากโรคภัยไข้เจ็บและภยันตรายต่าง ๆ นานา ขอพร ขอโชค ขอลาภเป็นประจำ ส่วนใหญ่ประสบความสุขสมหวังเกือบทุกราย นอกจากหลวงพ่อโต พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ประจำวัดตะพานแล้ว ยังมีพระเม็ดบัวกรุวัดตะพานที่นักนิยมพระเครื่องรุ่นใหม่ ๆ มองข้ามไปอย่างน่าเสียดาย ในด้านพระเกจิอาจารย์ผู้ทรงวิทยาคม วัดตะพานยังมีพระสุปฏิปันโนผู้เชี่ยวชาญในพระเวทวิทยาคม ๒ รูปด้วยกัน หนึ่งในสองที่ว่านี้คือ "พระครูจันทรโสภณ (นาค จนฺทสโร)" อดีตเจ้าอาวาสวัดทัศนารุณสุนทริการาม
หลวงพ่อนาค จนฺทสโร เป็นทั้งพระนักพัฒนาที่บูรณะปฏิสังขรณ์ สรรค์สร้างศาสนวัตถุในวัดมากมาย.. เป็นพระเกจิอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการเจริญวิปัสสนากรรมฐาน เปี่ยมด้วยเมตตาธรรม ไม่เคยโอ้อวดถึงวิชาต่าง ๆ ที่มีอยู่ ถึงแม้ว่าจะเก็บตัวอยู่อย่างสมถะ ปีหนึ่ง ๆ ท่านได้รับนิมนต์ไปร่วมงานพิธีพุทธาภิเษกหลายครั้ง แต่ด้วยเหตุที่ท่านเป็นพระที่พูดน้อย ทำให้ประชาชนทั่วไปไม่ค่อยรู้จักท่านมากเท่ากับพระเกจิอาจารย์รูปอื่น ๆ ในยุคสมัยเดียวกัน
พระครูจันทรโสภณ เดิมชื่อ "นาค จันทร์หอม" เกิดเมื่อวันจันทร์ที่ ๑๑ กุมภาพันธ์ ๒๔๑๗ ตรงกับวันแรม ๒ ค่ำเดือน ๓ ปีมะเมีย ณ บ้านตำบลสามเสน เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร เป็นบุตรนายจีน นางยวง จันทร์หอม เมื่ออายุได้ ๑๐ ขวบ บิดามารดาได้พาไปฝากให้ศึกษาเล่าเรียนที่สำนักวัดป่า (ปัจจุบัน ถูกยุปไปแล้ว อยู่ในบริเวณโรงพยาบางพระมงกุฎฯ) เมื่ออายุได้ ๑๖ ปี ได้บรรพชาเป็นสามเณรที่วัดตะพาน บรรพชาครบ ๒ ปี สอบไล่ได้นักธรรมตรี จากนั้น หันไปศึกษาด้านวิปัสสนากรรมฐาน
อายุครบ ๒๑ ปี อุปสมบทที่อุโบสถวัดตะพาน โดยมีพระอธิการทอง วัดจันทร์สโมสร เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอธิการรส วัดป่า และ พระอธิการจอม วัดอัมพวัน เป็นพระคู่กรรมวาจาจารย์ อุปสมบทแล้ว จำพรรษาที่วัดน้อยนพคุณเป็นเวลา ๒ ปี แล้วย้ายมาจำพรรษาที่วัดตะพานในวันที่ ๑ เมษายน ๒๔๕๙ ปี ๒๔๘๒ เป็นเจ้าอาวาสวัดตะพานสืบต่อจากหลวงพ่อนิตย์ กุสโล และได้เลื่อนสมณศักดิ์เรื่อยมาจนถึงวันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๐๐ จึงได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรที่พระครูจันทรโสภณ
สิ่งมหัศจรรย์อีกประการหนึ่งที่เกิดขึ้นกับหลวงพ่อนาค จันทสโร ก็คือในวันที่ ๓๐ พฤษภาคม ๒๕๑๖ เวลาประมาณ ๐๖.๐๐ น. ได้เกิดไฟไหม้ที่วัดตะพานในขณะที่พระภิกษุสามเณรออกบิณฑบาต ทำให้กุฏิสงฆ์ ๑๕ หลังและอาการโรงเรียนวอดวายกลายเป็นเถ้าถ่าน พอไฟลุกลามมาถึงกุฏิหลวงพ่อนาค จันทสโร เพลิงที่กำลังลุกไหม้อยู่นั้น ได้ดับลงแบบฉับพลัน จะเป็นด้วยเหตุใด ผู้เขียนไม่อาจหยั่งรู้ได้เพราะไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้เป็นเรื่องโจษขานกันเป็นเวลานานหลายปี
เหรียญพระพุทธชินราช จัดเป็นวัตถุมงคลรุ่นแรกที่หลวงพ่อนาค จนฺทสโร สร้างขึ้นในปี ๒๔๙๑ เพื่อเป็นที่ระลึกในงานยกช่อฟ้าศาลาการเปรียญหลังใหม่ สาเหตุที่สร้างเป็นเหรียญพระพุทธชินราช ทั้ง ๆ ที่วัดตะพานมีหลวงพ่อโตเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ประจำวัด สันนิษฐานว่านอกจากจะเป็นที่ระลึกในพิธียกช่อฟ้าฯ แล้ว อาจเป็นที่ระลึกในโอกาสที่ได้รับสมณศักดิ์เป็นพระครูสังฆรักษ์ พระฐานานุรูปของพระอริยศีลสังวร (ปลด พฺรหฺมสโร) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดเบญจมบพิตรดุสิตวนารามราชวรวิหาร และเจ้าคณะอำเภอดุสิต (ต่อมาเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระพุทธิวงศาจารย์) ก็เป็นได้
ลักษณะ เป็นเหรียญเสมาขนาดเล็ก ด้านหน้าเป็นพระพุทธชินราชประทับนั่งบนฐานบัวสองชั้น พระศอเป็นเส้นคู่แบบเส้นหวายผ่าซีก นูนหนาดูชัดเจน สังวาลย์เป็นเส้นไข่ปลาพาดจากพระอังสะด้านซ้ายขนาบข้างสังฆาฏิแล้วแยกไปทางพระอุทรด้านขวา กรอบเหรียญด้านบนเป็นเส้นสี่เหลี่ยมผืนผ้าสองชั้น ส่วนอื่นของกรอบเหรียญเป็นลายกนก ด้านหลังขอบเหรียญ เป็นเส้นหนาประมาณ ๐.๑ ซม. พื้นเหรียญเป็นยันต์พระเจ้าห้าพระองค์และอักษรขอม ๕ ตัว ถอดเป็นภาษาไทยได้ดังนี้ อรหัง พุทโธ
ขนาด กว้าง ๑.๙ ซม. สูง ๒.๙ ซม.
เนื้อหามวลสาร เท่าที่พบเห็นมีเนื้อทองแดง
จำนวนการสร้าง ไม่ทราบจำนวนการสร้างที่แน่ชัด
พิธีกรรม สันนิษฐานว่าอธิษฐานจิตแผ่เมตตาโดยหลวงพ่อนาค จนฺทสโร
พลานุภาพ โดยทั่วไปแล้ว วัตถุมงคลส่วนใหญ่ของหลวงพ่อนาค จนฺทสโร จะเน้นหนักไปในทางแคล้วคลาดคงกระพัน
ค่านิยม ประมาณหลักร้อยกลาง ๆ (ปี ๒๕๓๙)
เหรียญพระพุทธชินราช หลวงพ่อนาค จนฺทสโร ปี ๒๔๙๑ เป็นเหรียญที่มีศิลปะดีอีกเหรียญหนึ่ง ถ้าจะมองในเชิงของการซื้อขายแลกเปลี่ยน เหรียญนี้ ยังคงเป็นของดีราคาถูกที่ไม่ค่อยมีใครรู้จักกันมากนัก บางคนก็ตีส่งว่าเป็นของวัดเบญจมบพิตรดุสิตวนารามราชวรวิหาร ดังนั้น โอกาสที่จะได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง คงจะเกิดขึ้นไม่ง่ายนัก แต่ถ้าจะว่ากันแค่ชอบหรือเล่นหากันที่ศิลปะ นักนิยมเหรียญพระพุทธทั้งหลาย คงจะไม่เสียดายเงินเพียงสี่ถึงห้าร้อยบาทเพื่อแลกกับเหรียญดีมีศิลปะ อายุการสร้างล่วงเลยมาแล้วกว่า ๔๐ ปีเศษ แม้ว่าจะไม่เป็นที่นิยมเล่นหาในวงกว้าง แต่คุณค่าทางศิลปะของเหรียญนี้ มิได้ด้อยไปกว่าเหรียญพระพุทธของสำนักอื่น ๆ เลย
๑) บทความเก่าจากนิตยสารศูนย์พระเครื่อง ปีที่ ๗ ฉบับที่ ๑๗๑ (๑๐ เมษายน พ.ศ.๒๕๓๙) หน้า ๒๔ - ๒๕ และ ๖๙ ปรับแก้รายละเอียดเล็กน้อยเพื่อนำเสนอใหม่ใน อุทยานพระเครื่อง โดย... ชายนำ ภาววิมล ... (utthayanphra.com) / ๒๓ - ๐๘ - ๒๕๖๘
๒) เหรียญนี้ มีการซื้อขายทางอินเตอร์เน็ต ระบุว่าเป็นเหรียญพระพุทธชินราช วัดเวฬุราชิน กรุงเทพมหานคร อธิษฐานจิตโดยหลวงพ่อรุ่ง ติสฺสโร วัดท่ากระบือ อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร (บางแห่ง นำไปออกใบรับรองว่าเป็นเหรียญพระพุทธชินราช วัดเวฬุราชิน) ด้วยเหตุที่บทความนี้เขียนเมื่อ ๒๙ ปีที่แล้ว และมิได้เก็บพยานหลักฐานไว้อ้างอิงความถูกต้องของข้อมูล หากท่านใดมีข้อมูลที่เชื่อถือได้ ผู้เขียนเปิดกว้างที่จะนำเสนอข้อมูลนั้น ในท้ายบทความนี้